ประวัติความเป็นมาของภูมิปัญญา (คลิก)
เป็นการสืบทอดของภูมิปัญญาของชาวบ้าน
จากรุ่นสู่รุ่น โดยหาเศษไม้จากวัสดุธรรมชาติ แต่สมัยก่อนยังไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า
จึงใช้น้ำมันก๊าซ เป็นเชื้อเพลิงในการจุดประกายไฟในตะเกียงโบราณและการใช้น้ำมันก๊าซเป็นเชื้อเพลิง
จึ่งก่อให้เกิดมีควันดำและกลิ่นเหม็น ทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบโดยใช้เชื้อเพลิงที่หาได้ง่ายภายในชุมชนหรือในบ้าน
เช่น น้ำมันพืช น้ำมันงา น้ำมันที่เหลือจากการการประกอบอาหาร แทนการใช้น้ำมันก๊าซ จึงพัฒนารูปแบบให้มีความเหมาะสมกับการใช้งาน
มี 3 ขนาด คือ รูปแบบเล็ก รูปแบบกลาง และรูปแบบใหญ่
การทำตะเกียงโบราณเริ่มมาจาก
สมัยเจ้าทิพย์ช้าง (พระยาสุลวฤาไชยสงคราม) ที่สืบทอดมาจาก หนานทิพย์ช้าง
มีนามเดิมว่า “ทิพย์จักร” เกิดที่ตำบลปงยางคก
อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ในตำนานได้เล่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครั้งดังกล่าวไว้ว่า
ระหว่าปี พ.ศ.2272-2275 หัวเมืองลานนาทั้งหมดตกอยู่ในอำนาจของพม่า
ชาวเมืองระส่ำระสายมีจลาจลวุ่นวาย พม่าได้ส่งผู้ปกครองมาดูแลหัวเมืองล้านนาทั้งหมด
ทั้ง เชียงใหม่ เชียงแสน เชียงราย แพร่ น่าน ลำพูน
ส่วนนครลำปางอิทธิพลพม่าแผ่เข้ามาแล้ว แต่พม่ายังมิได้ส่งผู้แทนมาปกครองเหมือนหัวเมืองอื่นๆ
ขณะนั้นกษัตริย์ผู้ปกครองเมืองคือ เจ้าลิ้นก่าน ซึ่งยังทรงพระเยาว์อยู่
ชาวนครลำปางจึงตั้งขุนนาง 4 คน เป็นผู้สำเร็จราชการชั่วคราว คือ แสนหนังสือ แสนเทพ
แสนบุญเฮือน และจเรน้อย
โดยหนานทิพย์ช้าง
ใช้ตะเกียงโบราณเป็นกลอุบายในการล่อศัตรูในการรบ
เพื่อหลอกล่อศัตรูให้เข้ามาหาที่สว่าง และ
กลุ่มของหนาทิพย์ช้างจะอยู่ในที่มืดๆเพื่อโจมตีศัตรู ที่เข้ามาในโจมตีในฐานที่ตั้ง
ที่มีการจุดตะเกียงไฟไว้
และทำการหลอกล่อกลอุบายแบบนี้หลายครั้งจนทำให้ผ่ายพลของพม่ามีจำนวนลดลงเป็นจำนวนมาก
ขุนนางทั้ง 4 คนจึงทำการประชุมเพื่อหารือกับเหล่าทัพ
เพื่อหาทางขจัดไม่ให้พม่ามายึดนครลำปาง
จึงไปขอความช่วยเหลือกับพระนางจามเทวีที่จังหวัดลำพูน
ขณะนั้นพระนางจามเทวีเป็นมเหสีของเจ้าลิ่นก่าน
พระนางจึงบอกฐานที่ตั้งของทัพเจ้าลิ้นก่าน ว่าอยู่ที่ไหน และทางเข้าฐานทัพนั้นมีจุดอ่อนอะไรบ้าง
เมื่อพระนางเล่าให้กับขุนนางทั้ง 4 ฟัง ขุนนางทั้ง 4 จึงมาหารือในฐานที่ตั้งของตนเองและทำการวางแผนโจมตีเจ้าลิ้นก่าน
เพื่อให้เจ้าลิ้นก่านได้สิ้นชีพ เมื่อเจ้าลิ้นก่านสิ้นชีพทัพของพม่า
ก็จะยกกลับไปยังฐานที่ตั้งเดิม ณ ประเทศพม่า ขุนนางทั้ง 4 ประกอบด้วย แสนหนังสือ แสนเทพ แสนบุญเฮือน และจเรน้อย
แต่งตั้งให้หนานทิพย์ช้าง เป็นแม่ทัพโจมตีเจ้าลิ้นก่านที่ตั้งฐานทัพ ณ
วัดพระธาตุลำปางหลวงในปัจจุบัน
โดยทำกลอุบายหลอกล่อว่าพระนางจามเทวีเขียนหนังสือมาให้เจ้าลิ้นก่าน
และต้องส่งให้ถึงมือเจ้าลิ้นก่านโดยหนานทิพย์ช้างเท่านั้น
โดยลอดท่อจากข้างนอกฐานที่ตั้งทัพมาในฐานที่ตั้งเจ้าลิ้นก่านโดยวางกำลังทัพไว้ข้างนอกเพื่อเป็นกำลังเสริม
จากนั้นเจ้าหนานทิพย์ช้างก็ดึงปืนลูกซองสั้นที่พกมาเป็นอาวุธประจำกาย
ยิงเข้าใส่เจ้าลิ้นก่าน ขณะที่เจ้าลิ้นก่านกำลังเปิดหนังสืออ่าน ทำให้เจ้าลิ้นก่านสิ้นชีพทันที
และเกิดการชุลมุนวุ่นวาย
เจ้าหนานทิพย์ช้างก็วิ่งหนีมาลอดท่อเพื่อกลับไปข้างนอกฐานที่ตั้งทัพของเจ้าลิ่นก่าน
เมื่อเจ้าลิ่นก่านสิ้นชีพ ฐานทัพพม่าไร้แม่ทัพ จึงจำเป็นต้องยกทัพกลับ
เมื่อพระนางจามเทวีทราบเรื่องราวว่าเจ้าลิ้นก่านสิ้นชีพแล้ว พระนางจึงบอกให้พระสหายมาสร้างวิหาร
เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้แก่เจ้าลิ้นก่าน( วิหาร
ตรงบันไดทางเข้าวัดพระธาตุลำปางหลวงในปัจจุบัน)
มีการสนับสนุน
โดยหน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนและเครือข่ายกลุ่มทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดเข้ามาช่วยเหลือในการออกบูธ
ต่างจังหวัดและ โอทอป (OTOP) ได้มาตรฐานสินค้าชุมชน (มผช.)
ภูมิปัญญาตะเกียงโบราณได้ขอจดสิทธิบัตร เมื่อ พุทธศักราช ปี 2548 และได้สิทธิบัตร เมื่อ พุทธศักราช ปี 2555
ภูมิปัญญาตะเกียงโบราณได้รับรางวัลในระดับประเทศ ในระดับภูมิปัญญา
ระดับ สามดาว
เอกลักษณ์ของภูมิปัญญา
1. สืบทอดจากบรรพบุรุษ
โดยผ่านการเรียนรู้จากรุ่นสู่รุ่น
2. ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นส่วนทำมาจากไม้สักทอง
3. สีของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สีไม้โอ๊ต สีน้ำตาล สีแทน และสีดำ
4. รูปแบบของผลิตภัณฑ์ เป็นทรงโบราณ มี 3 ขนาด คือ เล็ก กลางและใหญ่
5. ชื้นส่วนขาตั้งเป็นทรงโบราณ มีลักษณะเป็นทรงโค้ง
ประยุกต์มาจากขาตู้
6. ทุกขั้นตอนกระบวนการผลิตภัณฑ์ทำด้วยมือ
ด้านการติดต่อ(คลิก)
กลุ่มทำตะเกียงน้ำมันพืชโบราณ 33 หมู่ 5 ตำบลปงยางคก
อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง 52190
ติดต่อ : คุณพิมพร เป็งยังคำ โทร : 08 6921 2309
วิดิโอ